ความฝันคือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ ซึ่งมนุษย์ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ความฝัน แม้รายละเอียดและลักษณะของความฝันแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้คนมักรู้สึกร่วมกัน คือขณะที่กำลังฝันนั้นมักมีความรู้สึกสมจริง ราวกับเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงจนแยกแยะไม่ออกว่ากำลังอยู่ในความฝันหรืออยู่ในชีวิตจริง ปรากฏการณ์นี้เกิดจากกลไกการทำงานของสมองในช่วงที่เรียกว่า REM Sleep หรือ Rapid Eye Movement ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเข้าสู่ภาวะหลับลึก แต่สมองกลับมีการทำงานสูงสุดคล้ายกับช่วงเวลาตื่น
การทำงานของสมองในช่วง REM Sleep
เมื่อเข้าสู่ช่วง REM สมองจะเริ่มสร้างภาพและสถานการณ์ที่ถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกขึ้นมาในรูปแบบของความฝัน ในช่วงนี้ระบบประสาทและสมองจะมีการทำงานอย่างเข้มข้น ทั้งกระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึก และประสาทสัมผัสที่เสมือนเกิดขึ้นจริง สาเหตุที่มนุษย์รู้สึกว่าความฝันมีความสมจริงสูงมากนั้น เกิดจากการที่สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลด้านอารมณ์และความรู้สึกทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันสามารถกระตุ้นการตอบสนองทางอารมณ์ของร่างกาย เช่น ความรู้สึกกลัว ดีใจ หรือเศร้าเหมือนในชีวิตจริง
กระบวนการเชื่อมโยงความทรงจำและจินตนาการ
- สมองดึงข้อมูลจากความทรงจำเดิมมาประมวลผลร่วมกับจินตนาการ ทำให้เกิดภาพฝันที่มีลักษณะสมจริง ความฝันบางครั้งอาจสะท้อนประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง หรือรวมเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันในรูปแบบที่แปลกใหม่
- การที่สมองพยายามประมวลผลข้อมูลเก่าและใหม่พร้อมกัน ส่งผลให้บางครั้งความฝันดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
การปิดกั้นสัญญาณความเป็นจริงของสมอง
สมองส่วน กลีบหน้าผาก (Prefrontal Cortex) ซึ่งทำหน้าที่ตัดสินใจและแยกแยะระหว่างความจริงกับจินตนาการ จะทำงานลดลงในช่วง REM ทำให้การตัดสินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในฝันเป็นจริงหรือไม่ลดลง ส่งผลให้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในฝันอย่างสมจริงจนแยกไม่ออก
การทำงานของระบบประสาทสัมผัสในขณะฝัน
- สมองในช่วง REM ยังคงประมวลผลข้อมูลจากประสาทสัมผัส เช่น เสียง อุณหภูมิ หรือแรงกดทับขณะนอนหลับ อาจนำไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในฝัน ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังมีส่วนร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฝันจริง ๆ
- ตัวอย่างเช่น หากในขณะหลับมีเสียงนาฬิกาปลุกเบา ๆ สมองอาจตีความเสียงนี้เป็นเสียงสัญญาณเตือนภัยในฝัน ทำให้เกิดภาพฝันที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่มีความตื่นเต้นหรือหวาดกลัว
ทำไมบางครั้งแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริง
อารมณ์ที่เกิดขึ้นในความฝันมีความรุนแรงและชัดเจน เนื่องจากสมองส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ เช่น อะมิกดาลา (Amygdala) ทำงานอย่างเข้มข้นมากขึ้นในช่วง REM Sleep สมองส่วนนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความกลัว ความวิตกกังวล และความสุข จึงทำให้อารมณ์ในความฝันนั้นมีความรุนแรงและรู้สึกเหมือนจริง

อารมณ์ที่รุนแรงในฝัน
เนื่องจากสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ทำงานอย่างหนักในช่วง REM ความฝันที่เกิดขึ้นจึงมักมีอารมณ์รุนแรง เช่น ตื่นเต้น กลัว หรือเศร้า ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจเมื่อตื่นนอน เมื่อความฝันมีผลกระทบต่อจิตใจอย่างมาก อาจทำให้เกิดความรู้สึกต่อเนื่องแม้หลังจากตื่น เช่น ความเศร้าหรือความวิตกกังวลที่ยังคงอยู่แม้เหตุการณ์นั้นจะเป็นเพียงความฝัน
การเชื่อมโยงกับความทรงจำ
สมองอาจนำเหตุการณ์ในชีวิตจริงมาใช้เป็นองค์ประกอบในความฝัน ทำให้บางครั้งรู้สึกว่าความฝันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ หรือเคยเกิดขึ้นมาก่อน ในบางกรณี สมองอาจสร้าง “ความทรงจำปลอม” ซึ่งเป็นความรู้สึกว่าเคยผ่านเหตุการณ์นั้นมาก่อน แม้ว่าในความเป็นจริงจะไม่เคยเกิดขึ้น ทำให้เกิดความสับสนระหว่างฝันกับชีวิตจริง
ความไม่สามารถควบคุมร่างกายขณะฝัน
ในช่วง REM กลไกของสมองจะป้องกันไม่ให้ร่างกายขยับตามเหตุการณ์ในฝัน ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้นจริง ๆ แม้ว่าร่างกายจะอยู่ในสภาวะนิ่งสนิท เมื่อสมองสร้างภาพฝันขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสมจริงแต่ร่างกายไม่สามารถตอบสนอง ทำให้เกิดความรู้สึกเสมือนอยู่ในสถานการณ์นั้นจริง ๆ
ผลกระทบของความฝันที่สมจริงเกินไป
- ส่งผลต่ออารมณ์หลังตื่นนอน: อาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมหลังจากตื่นขึ้น เช่น ความฝันที่เต็มไปด้วยความสุขอาจทำให้รู้สึกสดชื่น ในขณะที่ฝันร้ายอาจทำให้เกิดความกังวลต่อเนื่อง
- สร้างแรงบันดาลใจหรือกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์: สามารถเป็นแหล่งข้อมูลที่ช่วยให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ หรือสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานหรือการแก้ไขปัญหา
- ส่งผลให้เกิดความรู้สึกสับสนระหว่างความฝันกับชีวิตจริง: อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การจดจำเหตุการณ์บางอย่างผิดพลาด หรือรู้สึกว่าเหตุการณ์ในฝันเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วในความเป็นจริง
วิธีรับมือเมื่อฝันสมจริงมากเกินไป
- ตั้งสติหลังจากตื่นนอน: หากรู้สึกว่าสิ่งที่ฝันมีผลต่ออารมณ์หรือความคิด ควรใช้เวลาทบทวนว่าความฝันนั้นไม่ใช่เหตุการณ์จริง และแยกแยะระหว่างความฝันกับชีวิตประจำวัน
- บันทึกความฝันเพื่อทำความเข้าใจตัวเอง: การจดบันทึกความฝันช่วยให้เข้าใจว่าความฝันสะท้อนถึงอารมณ์ ความกังวล หรือเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อจิตใจในขณะนั้น
- ผ่อนคลายก่อนนอน: การทำสมาธิ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงเบา ๆ ก่อนนอนช่วยลดความเข้มข้นของอารมณ์ในฝันและช่วยให้ความฝันสงบมากขึ้น
การที่มนุษย์มีความรู้สึกว่าความฝันกำลังเกิดขึ้นจริงนั้น เกิดจากการที่สมองส่วนที่ควบคุมการรับรู้ อารมณ์ และความทรงจำทำงานในระดับสูงสุดในช่วง REM sleep ทำให้สมองสร้างภาพ เสียง และอารมณ์ที่มีความเข้มข้นและสมจริงขึ้นมา การแยกแยะฝันออกจากความเป็นจริงจึงเป็นสิ่งที่ยากสำหรับบางคน โดยเฉพาะในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากตื่นนอน ดังนั้น การเรียนรู้ที่จะตั้งสติเมื่อรู้สึกสับสนหรือมีอารมณ์รุนแรงจากความฝัน การฝึกจดบันทึก หรือฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้สามารถจัดการอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากฝันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลทางจิตใจได้เร็วขึ้นเมื่อเริ่มต้นวันใหม่