ศาสตร์ทำนายฝันที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในหลายวัฒนธรรมทั่วโลกประกอบไปด้วยหลายแนวทางที่ใช้ในการตีความความฝัน โดยศาสตร์เหล่านี้มักมีพื้นฐานจากความเชื่อโบราณและการตีความสัญลักษณ์ในฝันอย่างละเอียด นี่คือตัวอย่างของศาสตร์ทำนายฝันที่มีชื่อเสียง:
1. ตำราทำนายฝันไทย
ตำราทำนายฝันไทย เป็นคู่มือที่รวบรวมความเชื่อเกี่ยวกับความฝันและการตีความฝันตามลักษณะหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฝัน ซึ่งถูกสืบทอดกันมาในวัฒนธรรมไทยแต่โบราณ ตำรานี้มักใช้ในการทำนายอนาคตหรือให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน โดยอ้างอิงจากสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏในฝัน เช่น ฝันเห็นงูมักหมายถึงการเจอเนื้อคู่ ฝันเห็นปลาเกี่ยวข้องกับโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์
ตำราทำนายฝันไทยมักแบ่งความฝันออกเป็นสองประเภทหลัก คือ ฝันดี ที่เชื่อว่าจะนำพาโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง หรือความสำเร็จมาให้ และ ฝันร้าย ที่เชื่อว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงอุปสรรคหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ แต่สามารถปัดเป่าด้วยการทำบุญหรือแก้เคล็ด เช่น การเล่าเรื่องฝันตอนเช้ากับคนอื่น เพื่อไม่ให้ฝันนั้นกลายเป็นจริง
2. ศาสตร์ทำนายฝันของซิกมันด์ ฟรอยด์
ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีจิตวิเคราะห์ที่เน้นความสำคัญของจิตใต้สำนึก ฟรอยด์เชื่อว่าความฝันเป็น “หน้าต่าง” ที่เปิดเผยความคิด ความรู้สึก และแรงผลักดันที่ถูกเก็บกดอยู่ในจิตใต้สำนึก ซึ่งไม่สามารถแสดงออกได้ในชีวิตประจำวัน ความฝันจึงทำหน้าที่เป็นทางระบายของแรงผลักดันเหล่านี้
ฟรอยด์อธิบายว่าความฝันมีสองระดับ คือ เนื้อหาที่ชัดเจน (Manifest Content) ซึ่งเป็นภาพและเหตุการณ์ที่เห็นในความฝัน และ เนื้อหาแฝง (Latent Content) ซึ่งเป็นความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของความฝัน เนื้อหาแฝงนี้มักเกี่ยวข้องกับความปรารถนาหรือความกลัวที่ถูกกดดันจากจิตใต้สำนึก
ฟรอยด์ยังเชื่อว่าความฝันเป็นสัญลักษณ์ โดยแต่ละภาพหรือเหตุการณ์ในฝันมีความหมายเฉพาะ เช่น การฝันเห็นน้ำอาจสื่อถึงอารมณ์ การฝันเห็นงูอาจหมายถึงความปรารถนาทางเพศ ศาสตร์นี้ไม่ได้มองความฝันเป็นการทำนายอนาคต แต่เป็นการสะท้อนสภาพจิตใจและความรู้สึกที่ถูกกดดันในชีวิตจริง
3. ศาสตร์ทำนายฝันตามคาร์ล ยุง
คาร์ล ยุง (Carl Jung) มุ่งเน้นการเชื่อมโยงความฝันกับจิตวิทยาเชิงสัญลักษณ์ ยุงเชื่อว่าความฝันเป็นช่องทางที่จิตใต้สำนึกใช้ในการสื่อสารกับจิตสำนึก ความฝันสะท้อนถึงกระบวนการภายในจิตใจและสามารถช่วยให้เราเข้าใจตนเองได้ดีขึ้น
ยุงแบ่งจิตใจออกเป็นสองส่วน คือ จิตใต้สำนึกส่วนบุคคล (Personal Unconscious) และ จิตใต้สำนึกร่วม (Collective Unconscious) จิตใต้สำนึกร่วมเป็นส่วนที่ทุกคนมีร่วมกัน โดยเป็นแหล่งของสัญลักษณ์ที่เป็น “แบบแผนดั้งเดิม” หรือ Archetypes ซึ่งปรากฏในความฝัน สัญลักษณ์เหล่านี้เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและธรรมชาติของมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่น ความฝันเห็นทะเลอาจเป็นสัญลักษณ์ของจิตใต้สำนึกหรืออารมณ์ที่ลึกซึ้ง
ความฝันในแนวคิดของยุงไม่ใช่แค่การสะท้อนความต้องการที่ถูกกดดันอย่างทฤษฎีของฟรอยด์ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บุคคลพัฒนาและสร้างสมดุลในชีวิต ยุงเชื่อว่าความฝันมีบทบาทในการนำทางชีวิต โดยการฝันแต่ละครั้งสามารถชี้ให้เห็นถึงปัญหาและแนวทางในการเติบโตทางจิตใจ
4. ศาสตร์ทำนายฝันตามโหราศาสตร์จีน
ในความเชื่อของจีน การฝันมักเชื่อมโยงกับหลักฮวงจุ้ยและการเคลื่อนที่ของพลังงาน ความฝันเป็นสัญญาณที่ส่งมาจากสวรรค์หรือวิญญาณบรรพบุรุษ เพื่อเป็นการเตือนล่วงหน้าหรือชี้แนะแนวทางในการดำเนินชีวิต ความฝันสามารถสะท้อนถึงดวงชะตา โชคลาภ สุขภาพ หรือความสัมพันธ์ในอนาคต ความหมายของความฝันจะถูกตีความตามสัญลักษณ์ที่ปรากฏ เช่น สัตว์ ตัวเลข หรือสิ่งของ ซึ่งแต่ละอย่างมีความหมายเฉพาะในวัฒนธรรมจีน
ในโหราศาสตร์จีน ความฝันสามารถแบ่งออกเป็น ฝันดี และ ฝันร้าย โดยฝันดีมักจะนำโชคลาภหรือความสำเร็จมาให้ เช่น ฝันเห็นมังกรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเจริญรุ่งเรือง ในขณะที่ฝันร้ายอาจเตือนถึงอุปสรรคหรือปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น การฝันเห็นน้ำท่วมซึ่งมักสื่อถึงความวุ่นวายหรือปัญหาครอบครัว, ศาสตร์ทำนายฝันตามโหราศาสตร์จีนยังเชื่อว่าความฝันจะมีความสำคัญมากขึ้นในช่วงเวลาพิเศษ เช่น วันขึ้นปีใหม่จีน หรือช่วงเวลาก่อนเหตุการณ์สำคัญในชีวิต
5. ศาสตร์ทำนายฝันตามอิสลาม
ในอิสลามเชื่อว่าความฝันเป็นหนึ่งในสามวิธีที่พระเจ้า (อัลลอฮ์) สื่อสารกับมนุษย์ ความฝันในศาสนาอิสลามถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ฝันดี ที่เชื่อว่ามาจากพระเจ้า ฝันร้าย ที่มาจากชัยฏอน (ซาตาน) และ ฝันที่เกิดจากจิตใต้สำนึก หรือการสะท้อนความคิดที่พบในชีวิตประจำวัน
ฝันดีในอิสลามถือว่าเป็นพรจากพระเจ้าและสามารถเป็นสัญญาณหรือคำแนะนำในการดำเนินชีวิต เช่น ฝันเห็นแสงสว่างหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มักสื่อถึงความเป็นมงคล ในขณะที่ฝันร้าย เช่น ฝันเห็นสัตว์ดุร้ายหรือภัยพิบัติ อาจถูกมองว่าเป็นการก่อกวนจากชัยฏอน ซึ่งผู้ฝันควรสวดมนต์เพื่อปัดเป่าฝันร้ายนั้นออกไป
6. ศาสตร์ทำนายฝันตามชาวมายัน
ชาวมายันเชื่อว่าความฝันเป็นการเชื่อมต่อกับโลกวิญญาณและพลังของจักรวาล พวกเขาเชื่อว่าความฝันสามารถส่งสัญญาณเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตและช่วยให้ผู้ฝันเข้าใจตนเองและสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวได้ดียิ่งขึ้น
ชาวมายันเชื่อว่าสัญลักษณ์ในความฝัน เช่น สัตว์ ธรรมชาติ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ มีความหมายเฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น การฝันเห็นสัตว์บางชนิดอาจสื่อถึงพลังของบรรพบุรุษหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาช่วยนำทาง ฝันเห็นงูอาจสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงและการฟื้นฟู ในขณะที่ฝันเห็นน้ำอาจเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งชาวมายันใช้ในการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน เช่น การเก็บเกี่ยว การทำสงคราม หรือการดำเนินชีวิต ศาสตร์ทำนายฝันนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่เชื่อในความสมดุลของธรรมชาติและจักรวาล
7. คัมภีร์ทำนายฝันของโรมันโบราณ
ชาวโรมันโบราณเชื่อว่าความฝันเป็นสัญญาณที่ส่งมาจากเทพเจ้า หรือวิญญาณที่มีพลังอำนาจ ความฝันจึงถูกใช้ในการทำนายเหตุการณ์ในอนาคต โดยเฉพาะในการตัดสินใจที่สำคัญ เช่น การทำสงคราม การปกครอง และเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ
ในคัมภีร์โรมันโบราณ ความฝันถูกตีความตามสัญลักษณ์หรือเหตุการณ์ที่ปรากฏ เช่น การฝันเห็นสัตว์บางชนิดอาจบ่งบอกถึงโชคลาภหรืออันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น ฝันเห็นนกอินทรีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้า จูปิเตอร์ มักถูกตีความว่าเป็นสัญญาณแห่งชัยชนะ ในขณะที่ฝันเห็นไฟหรือความพินาศอาจเตือนถึงภัยพิบัติที่กำลังมา
นักทำนายฝันในโรมันโบราณเชื่อว่าความฝันบางครั้งเป็นการสื่อสารโดยตรงจากเหล่าเทพเจ้า และมีความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้ปกครองหรือผู้นำใช้ความฝันเป็นเครื่องมือนำทางในการตัดสินใจที่สำคัญในชีวิตและการเมือง
8. ศาสตร์ทำนายฝันตามชาวกรีกโบราณ
ในกรีกโบราณความฝันเป็นช่องทางที่เทพเจ้าและวิญญาณใช้สื่อสารกับมนุษย์ ความฝันถือเป็นสัญญาณบอกเหตุการณ์ในอนาคตหรือคำเตือนเกี่ยวกับชีวิต ความเจ็บป่วย และโชคลาภ ความฝันยังเป็นเครื่องมือในการทำนายที่ถูกใช้ในพิธีกรรมและการตัดสินใจเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงสงครามและการเมือง
ในตำนานกรีก เทพ มอร์ฟีอุส (Morpheus) เป็นเทพแห่งความฝันที่สามารถปรากฏในความฝันของมนุษย์ได้ เพื่อสื่อสารถึงความจริงหรือคำแนะนำจากเหล่าเทพเจ้า ความฝันจึงถูกมองว่าเป็นข้อความศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องได้รับการตีความโดยนักบวชหรือผู้ทำนาย
ชาวกรีกโบราณยังแบ่งความฝันออกเป็นสองประเภทหลัก คือ ความฝันที่เป็นจริง (Oneiroi) ซึ่งมักสื่อถึงการทำนายเหตุการณ์ในอนาคต และ ความฝันที่เป็นภาพลวง (Phantasms) ที่เป็นเพียงจินตนาการหรือความปรารถนาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอนาคต
ศาสตร์การทำนายฝันในแต่ละวัฒนธรรมมีความเชื่อ และการตีความที่หลากหลาย แต่ทั้งหมดล้วนเห็นว่าความฝันเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถบอกเหตุการณ์ในอนาคตหรือสะท้อนอารมณ์และจิตใจของผู้ฝันได้